พลังคำ....พลังวรรณกรรม
อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน
ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน
อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี
พลังของภาษา
หมายถึงการใช้ภาษาเพื่อบ่งบอกถึงพลังในการโน้มน้าวจิตใจให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามและเชื่อมั่นตามที่ผู้ใช้ภาษานำเสนอ หรืออาจเรียกว่า การชักนำอารมณ์ให้ไปสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้ภาษาเขียนหรือบอกเล่านั่นเอง ดังนั้นนักเรียนต้องใช้ภาษาที่มีพลังและลึกซึ้งกินใจ เพื่อการถ่ายทอดความรู้สึกหรืออารมณ์ เรียกอีกอย่างว่า มายาแห่งภาษา
มายาในการกำหนดความคิด1) ภาษาเปลี่ยนสัญลักษณ์ให้เป็น ความเป็นจริงที่จริง ภาษา (รวมถึงตัวเลข) เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่เราใช้แทนหรือใช้เรียกความเป็นจริงบางอย่างเท่านั้น แต่เมื่อชินกับมันนานเข้า เราก็มักจะลืมไปว่ามันเป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่กลับไปยึดถือมันว่าเป็น ความเป็นจริง2) ภาษาเปลี่ยนการตีความเป็น 'ข้อเท็จจริง'เวลาเราพูดว่า "ต้นเป็นคนสูง" เรามักนึกว่าเรากำลังพูดถึงข้อเท็จจริงแทนที่จะสำนึกว่าความสูงเป็นเรื่องของการตีความ ต้นจะสูงหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังเทียบเขากับใคร กับคนไทยหรือกับฝรั่งตัวใหญ่ยักษ์ในทำนองเดียวกัน เวลาเราต่อว่าเพื่อนว่า "เธอไม่สนใจฉัน" เราก็กำลังคิดว่าการตีความของเราเป็น 'ข้อเท็จจริง' อันควรแก่ความเสียใจโดยเราลืมไปว่ามาตรวัดและวิธีแสดง 'ความสนใจ' ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เมื่อพฤติกรรมที่ผูกกับความหมายของคำว่า 'ความสนใจ'ในพจนานุกรมส่วนตัวของเราไม่ตรงกับสิ่งที่เพื่อนเราแสดงออก เราก็สรุปว่านั่นย่อม 'แปล' ว่าเขาไม่สนใจเรา3) ภาษากลบเกลื่อนความเป็นจริงที่ไม่พึงปรารถนาบางครั้ง ภาษาก็ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ไม่พึงปรารถนา หรืออย่างน้อย ก็ทำให้ความหนักหนาของมันดูเบาลง เช่น- เราใช้คำว่า 'จากไป' แทนคำว่า 'ตาย'- หมอบอกว่าคนไข้มี 'ทูเมอร์' แทนที่จะพูดว่า 'เนื้องอก'- เราบอกตัวเองว่าเราไม่ได้ ‘หลอกลวง' เราแค่ 'ไม่อยากทำให้เขา เสียน้ำใจ' เท่านั้น และเมื่อเราหลงเชื่อภาษาที่เราใช้ เราก็อาจจะ ‘หลอกลวง' ได้บ่อยๆ โดยเชื่อจริงๆ ว่าที่ทำไปก็เพื่อประโยชน์ของคนที่ เราโกหก -โดยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความผิดอะไร
"คนยากหากว่าม้วย อาสัญ
ว่าผีหนีหน้าผัน ผ่านหน้า
ผู้ดีผิชีวัน วายวอด แลพ่อ
ว่าศพนบนอบเกล้า
อกโอ้พาสนา..."
ภาษาสามารถปลุกเร้าอารมณ์และความใฝ่ฝันภาษาส่วนใหญ่ล้วนแฝงค่านิยมและอารมณ์บางอย่างตัวอย่างเช่น - หลายคนจะรู้สึกอบอุ่นกับคำว่า 'บ้าน‘- รู้สึกไม่ดีต่อคนที่ทำตัวไม่ดีกับ 'แม่'-การใช้คำยากๆ หรือภาษาต่างประเทศทำให้ผู้พูดดู 'ขลัง'หรือ 'มีภูมิ'บางครั้ง กับคำบางคำ ภาษาก็สามารถปลุกเร้าให้คนถึงขนาดยินดีตายได้เพื่อ 'ชาติ' เพื่อ 'อิสรภาพ' เพื่อ 'ประชาธิปไตย' และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่เป็น 'นามธรรม'
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติด ารง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
(เพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด)
พลังภาษา คือ อำนาจของภาษา คนเรียนรู้ภาษาจากทุกคน และทุกสิ่งรอบตัว พลังภาษา มีดังนี้๑. ภาษาเป็นผู้สร้างสังคม ภาษามีอำนาจบังคับให้คนเราต้องปฏิบัติตามสังคม ตามความต้องการของสังคม๒. ภาษาสะท้อนความคิดความเป็นตัวตนของคน ผู้ใช้ภาษาได้ดีจะทำให้ผู้อื่นมีความสุขจากสารดีๆที่สื่อ ในทางตรงกันข้ามผู้ใช้ภาษาถ้าเป็นคนจิตใจไม่ดีจะใช้ภาษาในทางทำลาย กล่าววาจาทุจริต ทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์สังคมเสื่อมในที่สุดกล่าวโดยสรุป๓. การใช้ภาษาของคนในสังคมเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของคนในสังคมนั้นการใช้ภาษาไทยจะต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมต่างๆ เช่น การใช้ภาษากล่าวถึงสิ่งที่เป็นมงคลหรืออัปมงคล เช่น การตั้งชื่อ การปลูกต้นไม้ การแต่งงาน
http://www.learning.smd.kku.ac.th/home/images/lesson/The_Power_of_Language.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น