วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร



เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร







การสื่อสาร หรือ การสื่อความหมาย (Communication) เป็นคำที่รากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า "communius" หมายถึง "พร้อมกัน" หรือ "ร่วมกัน" (common) หมายความว่า เมื่อมีการสื่อสารระหว่างกันเกิดขึ้น คนเราพยายามที่จะสร้าง "ความพร้อมกันหรือความร่วมกัน" ทางด้านความคิดเรื่องราวเหตุการณ์ ทัศนคติ ฯลฯ กับบุคคลที่เรากำลังสื่อสารด้วยนั้น ดังนั้น การสื่อสารจึงหมายถึง การถ่ายทอดเรื่องราว การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแสดงออกของความคิดและความรู้สึก ตลอดรวมไปถึง "ระบบ" (เช่น ระบบโทรศัพท์) เพื่อการติดต่อสื่อสารข้อมูลซึ่งกันและกัน (Webster's Dictionary 1978 : 98) นอกจากนี้ การสื่อสารยังเป็นการที่บุคคลในสังคมมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันโดยผ่านทางข้อมูลข่าวสาร สัญลักษณ์ตลอดจนเครื่องหมายต่าง ๆ ด้วย (Fiske 1985:2 เทคโนโลยี มีความหมายค่อนข้างกว้าง โดยทั่วไปหมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เข่น อุปกรณ์, เครื่องมือ, เครื่องจักร, วัสดุ หรือ แม้กระทั่งที่ไม่ได้เป็นสิ่งของที่จับต้องได้ เช่น กระบวนการต่าง ๆ เทคโนโลยี เป็นการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์ ในทางเศรษฐศาสตร์ มองเทคโนโลยีว่า เป็นความรู้ของมนุษย์ ณ ปัจจุบัน ในการนำเอาทรัพยากรมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ (รวมถึงความรู้ว่าเราสามารถผลิตอะไรได้บ้าง) ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จะเกิดขึ้นเมื่อความรู้ทางเทคนิคของเราเพิ่มขึ้น 

คำที่มักเขียนผิดในภาษาไทย




คำไทยที่มักเขียนผิด
การเขียนคำภาษาไทยให้ถูกต้องตรงตามแบบแผนนั้น นับเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การเขียนคำภาษาไทยได้ถูกต้องเป็นการแสดงถึงความเข้าใจ และให้ความสำคัญอย่างลึกซึ้งกับภาษาซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าของไทยแต่โบราณมา ทว่าในปัจจุบัน การเขียนภาษาไทยเป็นไปอย่างกว้างขวางทั่วถึง อีกทั้งภาษาไทยเป็นภาษาที่งดงามซับซ้อน มีตัวพยัญชนะถึง 44 ตัว มีคำพ้องรูป พ้องเสียงมากมาย จึงทำให้เกิดความสับสน ในการสะกดคำบางคำ นานวันเข้าจึงมีคำที่มักเขียนผิดมากมาย ผู้จัดทำเห็นความจำเป็นที่ควรจะรวบรวมคำที่มักเขียนผิดในภาษาไทย ซึ่งมักจะเป็นคำที่คุ้นเคยในการฟังและพูด แต่มักไม่ค่อยเขียน เมื่อต้องเขียนจึงเขียนผิด

พลังของภาษาไทย



พลังคำ....พลังวรรณกรรม


อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน
ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน
อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี

พลังของภาษา

  หมายถึงการใช้ภาษาเพื่อบ่งบอกถึงพลังในการโน้มน้าวจิตใจให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามและเชื่อมั่นตามที่ผู้ใช้ภาษานำเสนอ หรืออาจเรียกว่า การชักนำอารมณ์ให้ไปสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้ภาษาเขียนหรือบอกเล่านั่นเอง ดังนั้นนักเรียนต้องใช้ภาษาที่มีพลังและลึกซึ้งกินใจ เพื่อการถ่ายทอดความรู้สึกหรืออารมณ์ เรียกอีกอย่างว่า มายาแห่งภาษา
 มายาในการกำหนดความคิด
1) ภาษาเปลี่ยนสัญลักษณ์ให้เป็น ความเป็นจริงที่จริง ภาษา (รวมถึงตัวเลข) เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่เราใช้แทนหรือใช้เรียกความเป็นจริงบางอย่างเท่านั้น แต่เมื่อชินกับมันนานเข้า เราก็มักจะลืมไปว่ามันเป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่กลับไปยึดถือมันว่าเป็น ความเป็นจริง
 2) ภาษาเปลี่ยนการตีความเป็น 'ข้อเท็จจริง'
เวลาเราพูดว่า "ต้นเป็นคนสูง" เรามักนึกว่าเรากำลังพูดถึงข้อเท็จจริงแทนที่จะสำนึกว่าความสูงเป็นเรื่องของการตีความ ต้นจะสูงหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังเทียบเขากับใคร กับคนไทยหรือกับฝรั่งตัวใหญ่ยักษ์ในทำนองเดียวกัน เวลาเราต่อว่าเพื่อนว่า "เธอไม่สนใจฉัน" เราก็กำลังคิดว่าการตีความของเราเป็น 'ข้อเท็จจริง' อันควรแก่ความเสียใจโดยเราลืมไปว่ามาตรวัดและวิธีแสดง 'ความสนใจ' ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เมื่อพฤติกรรมที่ผูกกับความหมายของคำว่า 'ความสนใจ'
ในพจนานุกรมส่วนตัวของเราไม่ตรงกับสิ่งที่เพื่อนเราแสดงออก เราก็สรุปว่านั่นย่อม 'แปล' ว่าเขาไม่สนใจเรา
 3) ภาษากลบเกลื่อนความเป็นจริงที่ไม่พึงปรารถนาบางครั้ง ภาษาก็ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ไม่พึงปรารถนา หรืออย่างน้อย ก็ทำให้ความหนักหนาของมันดูเบาลง เช่น- เราใช้คำว่า 'จากไป' แทนคำว่า 'ตาย'
- หมอบอกว่าคนไข้มี 'ทูเมอร์' แทนที่จะพูดว่า 'เนื้องอก'
- เราบอกตัวเองว่าเราไม่ได้ หลอกลวง' เราแค่ 'ไม่อยากทำให้เขา  เสียน้ำใจ' เท่านั้น และเมื่อเราหลงเชื่อภาษาที่เราใช้ เราก็อาจจะ หลอกลวง' ได้บ่อยๆ โดยเชื่อจริงๆ ว่าที่ทำไปก็เพื่อประโยชน์ของคนที่   เราโกหก -โดยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความผิดอะไร